
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพรำๆ.....ใช่แล้วล่ะครับ หน้าฝนแบบนี้ หลายคนคงไม่ปลื้ม เพราะจะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวก ลำบากเหลือเกิน แต่ถ้าใครมีรถก็ถือว่าโชคดีหน่อย เพราะการเดินทางก็จะสะดวกขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนมีรถก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป ยิ่งเป็นช่วงหน้าฝนพอล้างรถแล้วฝนก็จะตก ทำให้รถเลอะเทอะเปรอะเปื้อน เพราะอย่างนี้เลยเป็นที่มาของคำว่า “หน้าฝนล้างรถทำไม เสียดายตังค์”และวันนี้เราก็มีบทความดีๆมาแนะนำเช่นเคย ช่วงหน้าฝน จะดูแลรักษา รถของท่านอย่างไร ให้คงสภาพที่ดีอยู่ได้ตลอด
นับเป็นความเชื่อผิดๆ สําหรับผู้ขับขี่ ที่คิดว่าหน้าฝนล้างรถไปก็เท่านั้น เสียดาย เงิน เสียเวลา เพราะ เดี๋ยวฝนตกก็เลอะเทอะเปรอะเปื้อนอีกอยู่ดี เลยตัดสินใจขับกันไปแบบไม่ล้าง ปล่อยให้ รถเลอะเขรอะเป็นคราบ ประหนึ่งประดับด้วยศิลปะขี้โคลน แต่คุณรู้หรือไม่ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิด ซึ่งมันจะส่งผลกระทบทําร้ายความเงา งามของสีรถคุณได้อย่างร้ายกาจเลยทีเดียว
คิดง่ายๆ เวลาเราออกกําลังกายจนเหงื่อท่วมตัว เรายังต้องชําระล้าง อาบน้ําให้ร่างกายสะอาดหมด จด รถก็ไม่ต่างกัน เมื่อเราขับมันไปลุยน้ํา ลุยฝน จนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนมาทั้งคัน และน้ําฝนในกรุงเทพฯ ก็อย่าง ที่รู้ๆ โรงงานเยอะ มลพิษแยะ หรือแม้แต่ภูมิภาคอื่นๆ ก็เช่นกัน น้ําฝนก็ย่อมมีฤทธิ์เป็นกรด กัดกร่อนสีรถของเรา ให้หม่นหมอง ไม่เงางาม ดังนั้นสิ่งที่เราควรกระทําก็คือการล้างทําความสะอาดรถให้เงางาม
หลายคนอาจจะบ่นว่า "หน้าฝนแบบนี้มันไม่ต้องล้างกันทุกวันเลยหรือ!?!" เราขอแนะนําว่าหากคุณ ไม่มีเวลาล้างแบบเต็มขั้น ก็แค่ใช้สายยางฉีดไล่คราบน้ําฝน คราบสกปรก และหาผ้ าสะอาดๆ (สําหรับเช็ดรถ) เช็ด ให้หมดจดก็ช่วยรักษาสภาพรถได้อย่างง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งเช่นกัน แต่หากคุณอยากให้สีรถสวยเงางามอยู่เสมอ การ ดูแลแบบครบขั้นตอน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
คิดง่ายๆ เวลาเราออกกําลังกายจนเหงื่อท่วมตัว เรายังต้องชําระล้าง อาบน้ําให้ร่างกายสะอาดหมด จด รถก็ไม่ต่างกัน เมื่อเราขับมันไปลุยน้ํา ลุยฝน จนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนมาทั้งคัน และน้ําฝนในกรุงเทพฯ ก็อย่าง ที่รู้ๆ โรงงานเยอะ มลพิษแยะ หรือแม้แต่ภูมิภาคอื่นๆ ก็เช่นกัน น้ําฝนก็ย่อมมีฤทธิ์เป็นกรด กัดกร่อนสีรถของเรา ให้หม่นหมอง ไม่เงางาม ดังนั้นสิ่งที่เราควรกระทําก็คือการล้างทําความสะอาดรถให้เงางาม
หลายคนอาจจะบ่นว่า "หน้าฝนแบบนี้มันไม่ต้องล้างกันทุกวันเลยหรือ!?!" เราขอแนะนําว่าหากคุณ ไม่มีเวลาล้างแบบเต็มขั้น ก็แค่ใช้สายยางฉีดไล่คราบน้ําฝน คราบสกปรก และหาผ้ าสะอาดๆ (สําหรับเช็ดรถ) เช็ด ให้หมดจดก็ช่วยรักษาสภาพรถได้อย่างง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งเช่นกัน แต่หากคุณอยากให้สีรถสวยเงางามอยู่เสมอ การ ดูแลแบบครบขั้นตอน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
หน้าฝนแล้วฝนตกทุกวันก็เป็นเรื่องธรรมดา โดยปกติเจ้าของรถเกือบทุกรายมักจะวางแผนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ วันใดวันหนึ่งเป็นวันล้างรถจะล้างเองหรือนำรถไปให้ร้านล้าง ก็แล้วแต่สะดวก ล้างรถสัปดาห์ละครั้งก็ยังพอไหว แต่นี่ฝนเล่นตกทุกวัน ถ้าจะให้ล้างรถทุกวันออกจะเหนื่อยและเปลืองเงินมากโขอยู่ หลายท่าน ก็เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของน้ำฝนล้างรถให้สะเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและสามารถส่งผลเสียหายให้กับรถของท่านได้ เพราะลำพังน้ำฝนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ช่วย ชะล้างคราบสกปรกที่เกิดจากการรวมตัวกันของฝุ่นและโคลนที่สะสมจนเกิดเป็นคราบขี้ไคลออกไปจากตัวรถ แถมฝนในเขตเมืองที่มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่เป็นจำนวนมาก จะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ หรือ ที่เรียกว่า ฝนกรด นั่นเอง ถ้าไม่รีบล้างทำความสะอาดฝนกรดอาจกัดสีรถได้ และการล้างสิ่งสกปรก ที่หนามากขึ้นจนเกิดเป็นคราบก็เป็นเรื่องที่ยากขึ้นด้วยเช่นกัน อาจต้องใช้กรรมวิธีในการขัดเคลือบ จึงจะสามารถขจัดคราบสกปรกที่ฝังแน่นได้ ท่านต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแถมการขัดเคลือบบ่อยๆ จะทำให้แล็กเกอร์ที่เคลือบสีรถอยู่บางลง นานเข้าก็ต้องทำสี
วิธีดูแลรักษาสีรถอย่างถูกวิธีในช่วงหน้าฝน
- หมั่นล้างรถอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังลุยฝนมา เพื่อช่วยไม่ให้เกิดคราบสกปรกฝังแน่น แต่ถ้าไม่มีเวลามาก ให้ท่านใช้สายยางฉีดน้ำแรงๆไล่ฝุ่น โคลน และคราบน้ำฝนออกไป
- เมื่อขับรถลุยฝนมาแล้ว พยายามอย่าจอดรถตากแดด เพราะจะทำให้คราบน้ำฝนแห้งและเป็นคราบน้ำ ยิ่งถ้าเจอฝนกรดด้วยแล้ว คราบน้ำนั้นจะฝังตัวแน่นและอาจกัดลงถึงเนื้อสีได้ ในกรณีที่เป็นคราบน้ำแล้วล้างไม่ออกแนะนำให้รีบน้ำรถเข้าขัดเคลือบสีโดยด่วน อย่าทิ้งไว้นานเพราะอาจขัดไม่ออกเลย
- ไม่ควรนำผ้าแห้งเช็ดรถหลังฝนตก เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดรอยได้ เนื่องจากในขณะที่ท่านขับรถลุยฝนนั้น จะมีฝุ่น ทราย โคลนเกาะที่ผิวสี เมื่อเช็ดรถด้วยผ้าแห้งก็อาจเกิดริ้วรอยขึ้นได้ ท่านควรใช้วิธีฉีดน้ำล้างจะดีที่สุด
- ในช่วงหน้าฝน ไม่ควรจอดรถใต้ร่มไม้ ที่มียาง เกสรดอกไม้ หรือ ผล เพราะในฤดูฝนมักมีลมกรรโชกที่รุนแรง นอกจากต้นไม้จะหักหรือล้มมาโดนรถแล้ว อาจมีเศษกิ่งไม้ ใบไม้ ลูกไม้ปลิวมาติดรถและทำให้ผิวสีด่างและเสียได้หากไม่แก้ไขให้ทันท่วงที
- พยายามเคลือบสีรถด้วยแว็กซ์ อย่างน้อยเดือนละครั้ง การเคลือบสีรถไม่ทำให้รถบางลง แต่จะเป็นการทำให้รถหนาขึ้น ลื่นขึ้น สิ่งสกปรกอย่างเช่น คราบแมลง ยางมะตอย ยางไม้ที่จะทำอันตรายรถก็น้อยลง จะเกาะได้แค่หน้าชั้นแว็กซ์ ซึ่งสามารถเช็ดออกหรือทำความสะอาดได้ง่าย ในกรณีของคราบสกปรกที่เจอตอน หน้าฝนก็เช่นกัน รถที่ลงแว็กซ์เคลือบสีสม่ำเสมอ โอกาสที่จะเกิดคราบน้ำและคราบสกปรกฝังตัว มีน้อยลง การล้างทำความสะอาดก็ง่าย เพียงแค่ใช้สายยางฉีดน้ำและใช้มือลูบที่ตัวรถคราบสกปรกก็จะถูกล้างออกได้โดย ง่าย
การล้างรถที่ถูกวิธี
- ฉีดน้ำให้แรงที่สุด เพื่อให้คราบฝุ่น ขี้ดินหลุดออกจากตัวรถให้มากที่สุด
- ควรล้างด้วย น้ำสะอาดหรือล้างด้วยแชมพู ล้างรถ อย่าใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรถเด็ดขาดเพราะจะทำให้รถเกิดรอยขนแมวตามมา การล้างด้วยน้ำสะอาดควรล้างผ่านสายยางให้น้ำไหลผ่านตลอดพร้อมกับใช้ผ้านุ่มๆเช็ดถูไปด้วย แต่ถ้าสายยางยาวไม่ถึงจำเป็นต้องใช้ถังใส่น้ำล้าง ต้องเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ มิฉะนั้น สิ่งสกปรกที่ผสมอยู่ในน้ำอาจทำให้เกิดริ้วรอยขีดข่วนบนรถได้ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงหาซื้อสายยางยาวๆใช้ล้างรถจะสะดวกสบายและล้างรถได้หมดจดกว่าแต่อาจจะ เปลืองน้ำขึ้นอีกเล็กน้อย ส่วนการล้างรถด้วยแชมพูจะต้องผสมน้ำในอัตราส่วนที่กำหนดซึ่งจะช่วยล้าง คราบฝุ่นได้หมดจดกว่าน้ำสะอาดเพียงอย่างเดียว
- ควรล้างรถจากส่วนบนลงล่าง โดยการใช้ผ้านุ่ม เช่นผ้าสำลี โดยแบ่งผ้าเป็น 2 ผืน ผืนแรกใช้สำหรับล้างส่วนบน หลังคา ฝากระโปรงหน้า ฝากระโปรงหลัง กระจกรถทั้งหมด ผืนที่สอง ใช้สำหรับล้างส่วนด้านล่างของตัวรถ ตั้งแต่ขอบกระจกด้านล่างลงมาทั้งหมด เพราะส่วนล่างของรถ จะมีฝุ่นและคราบสกปรกมากกว่า
- จากนั้นให้ฉีดน้ำไล่แชมพูออกให้หมด
ข้อควรระวังในการล้างรถ
- อย่าล้างรถกลางแดด เพราะแดดจะ ทำให้น้ำบนรถแห้งเร็วและเกิดคราบน้ำบนสีรถขึ้น
- ไม่ควรล้างรถตอนเย็นด้วยตนเอง เพราะหากล้างแล้วจอดทิ้งไว้อาจทำให้เกิดสนิม ในบางจุดที่ท่านเช็ดไม่แห้ง หรือไม่สามารถเช็ดแห้งได้ ยกเว้นแต่จะมีเครื่องเป่าน้ำให้แห้งหรือต้อง ขับรถในระยะทางไกล ลมจะช่วยพัดให้ทุกซอกทุกมุมแห้งสนิทเอง
- ควรหลีกเลี่ยงการล้างล้อแม็กซ์ในขณะที่ล้อแม็กซ์กำลังร้อนอยู่ ความร้อนจะทำให้น้ำแห้งเร็วและเกิดคราบเป็นจุดติดที่หน้าล้อได้
การเช็ดรถที่ถูกวิธี
- ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์ในการเช็ดรถ เพราะผ้าเหล่านี้จะไม่ ทำให้รถเป็นรอย แต่ถ้าเป็น ผ้าชามัวร์แท้ควรระวังหน่อยเพราะเวลาที่ผ้าชามัวร์ แห้งสนิทจะแข็งตัว ก่อนนำมาใช้เช็ดรถต้องจุ่มผ้าชามัวร์จนแน่ใจว่าเปียกชุ่มน้ำทั้งผืนจริงๆ หากมีส่วนที่ไม่เปียกน้ำจะมี สภาพแข็งและทำให้รถเป็นริ้วรอยได้ง่าย
- การเช็ดรถต้องเช็ดตั้งแต่ส่วนบนของรถก่อน เพื่อให้น้ำหยดลงด้านล่างจนหมด แล้วค่อยไล่เช็ดลงมาด้านล่างของรถ
- อย่าละเลยในบางจุด ต้องเช็ดด้านในขอบประตูทั้งหมด ด้านในกระโปรงหลัง ด้านในฝาถังน้ำมัน กระจกหน้ารถเพื่อให้ทัศนวิสัย ในการขับขี่ชัดเจน และเช็ดล้อแม็กซ์ให้แห้งด้วย มิฉะนั้นอาจเกิดคราบน้ำน่าเกลียด และถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ คราบน้ำเหล่านั้นจะเช็ดออกยากจนถึงกับเช็ดไม่ออกได้
การเคลือบสีรถด้วยตนเอง
เริ่มจากการล้างรถให้สะอาด เช็ดรถให้น้ำหมาดๆ จากนั้นให้เทน้ำยาเคลือบสีลงบนผ้านุ่มๆที่มีน้ำหมาดๆ แล้วเช็ดบนตัวรถโดยวนเป็นก้นหอยให้ทั่วบริเวณตัวรถ ทิ้งน้ำยาไว้ตามระยะเวลาที่ระบุไว้ข้างขวดหรือกระป๋อง จากนั้นให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้านุ่มเช็ดน้ำยาออกจากตัวรถให้หมด รถของท่านจะเงางามและน้ำฝนจะไหลลื่นไม่ติดค้างอยู่บนตัวรถไปอีกสักระยะหนึ่ง
อย่ามองข้ามกันนะครับ เพราะถ้าใครที่คิดแบบนี้ ขอให้หยุดความคิดนี้ซะ หน้าฝนไม่ใช่ว่าไม่ควรล้างรถ แต่ยิ่งจำเป็นต้องล้างเลยล่ะ เพราะอะไรรู้ไหม ถ้าเราปล่อยให้คราบฝนที่ตกลงมาเกาะรถไปนานๆ แถมเราก็ไม่สามารถรู้ด้วยว่าน้ำฝนที่ตกลงมานั้นสกปรกมากน้อยเพียงใด นั่นแหละมันจะทำให้สีรถพังโดยไม่รู้ตัว และยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยเวลาให้รถของคุณโดนทำลายด้วยคราบโคลน คราบฝนไปนานๆ โดยที่คุณไม่ทำอะไรเลย คุณก็อาจจะต้องเสียเงินแพงกว่าเดิมเพื่อที่จะต้องทำรถใหม่ เช่น เคลือบสี ขจัดคราบ ขัดเงา นั่นเอง
วิธีง่ายๆในการล้างรถที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้เวลามากหลังลุยฝนมา แนะนำให้ใช้สายยางฉีดไล่ฝุ่น ไล่คราบฝนให้ทั่วและใช้ผ้าแห้งเช็ด เพื่อช่วยไม่ให้เกิดคราบฝังแน่นเกาะสีรถของคุณ ที่สำคัญหลังรถเปียกฝนมา ถ้าเป็นไปได้อย่าจอดรถโดนแดด เพราะพอคราบน้ำฝนแห้ง มันจะเกาะรถของคุณเป็นดวงๆ ยิ่งถ้าเป็นฝนกรด มันก็จะฝังลงเนื้อสีรถได้ ทางที่ดีถ้าอยากให้สีรถยังคงความสดเสมอ การดูแลแบบครบขั้นตอน จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ช่วงนี้ฝนตก ถนนลื่น ผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกคนควรระมัดระวังอุบัติเหตุที่จะเกิดบนท้องถนน ดูแลตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมดูแลรถของคุณด้วยนะครับ By.โต้ง Gapcarwash Detail Center
วิธีง่ายๆในการล้างรถที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้เวลามากหลังลุยฝนมา แนะนำให้ใช้สายยางฉีดไล่ฝุ่น ไล่คราบฝนให้ทั่วและใช้ผ้าแห้งเช็ด เพื่อช่วยไม่ให้เกิดคราบฝังแน่นเกาะสีรถของคุณ ที่สำคัญหลังรถเปียกฝนมา ถ้าเป็นไปได้อย่าจอดรถโดนแดด เพราะพอคราบน้ำฝนแห้ง มันจะเกาะรถของคุณเป็นดวงๆ ยิ่งถ้าเป็นฝนกรด มันก็จะฝังลงเนื้อสีรถได้ ทางที่ดีถ้าอยากให้สีรถยังคงความสดเสมอ การดูแลแบบครบขั้นตอน จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ช่วงนี้ฝนตก ถนนลื่น ผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกคนควรระมัดระวังอุบัติเหตุที่จะเกิดบนท้องถนน ดูแลตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมดูแลรถของคุณด้วยนะครับ By.โต้ง Gapcarwash Detail Center