
สวัสดีครับ ช่วงนี้กำลังเริ่มที่จะเข้าหน้าฝนแล้ว สิ่งที่เป็นห่วงคือรถที่ท่านรักและหลาย ๆ โดยเฉพาะพื้นที่มีปัญหาน้ำท่วมขังนั้นเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากครับสำหรับรถที่ต้องลุยน้ำ ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งก็ดีรถกระบะก็ดีหรือจะเป็นรถที่จะต้องวิ่งผ่านเส้นทางที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำอยู่แล้วนั้น ก็ต้องเอาใจใส่รถตัวเองให้เป็นพิเศษหน่อยครับ เพราะว่า การดูแลรักษารถในช่วงหน้าฝนนั้นก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดและก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็นครับ 555555
หน้าฝนกำลังจะมาแล้ว หลายพื้นที่มีปัญหาน้ำท่วมขัง สำหรับรถที่ต้องลุยน้ำ หรือผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำการดูแลรักษารถในช่วงหน้าฝน ก็ใกล้เคียงกับในช่วงฤดูอื่นๆ ครับ จะต้องคอยหมั่นตรวจดูและสังเกตสภาพช่วงล่างระบบส่งกำลัง ระบบไฟฟ้าของเครื่องยนต์ และอีกหลาย ๆ อย่างครับว่าแล้วก็บอกกันเป็นข้อ ๆดีกว่าน่ะครับจะได้ง่ายต่อการบำรุงรักษารถในช่วงหน้าฝนที่จะถึงนี้ อันดับแรกเลยนะครับ ยางรถยนต์
การตรวจสอบสภาพของยางรถยนต์นั้นว่ายังอยู่ในสภาพที่มีดอกอยู่ไหมถ้าใกล้หมดสมควรเปลื่ยน สังเกตุง่ายครับคือเอาหัวไม้ขีดไฟจิ้มเข้าไประหว่างกลางของร่องดอกยางให้เป็นในแนวตั้ง 90 องศากับดอกยางนะครับ และให้มามองในแนวนอนถ้าหัวไม้ขีดไฟไม่โผล่ให้เห็นในแนวนอนนั้นแปลว่ายังใช้ได้อยู่ครับ แต่ถ้าเห็นโผล่เหนือดอกยางในแนวนอนแล้วนั้นแปลว่ายางไม่พร้อมที่จะใช้ลุยในหน้าฝนครับเพราะการรีดน้ำของดอกยางนั้นก็จะต่ำลงตามสภาพของร่องดอกยางครับ และปีผลิตของยางรถยนต์ว่าผลิตปีไหนใส่มานานแล้วหรือยัง ถ้าคิดว่าเคยเปลื่ยนมาสัก 2 ปีแล้วแต่ดอกยางยังเยอะอยู่เพราะการขับขี่ของแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ ว่าง่ายเลยครับ ยางมีอายุการใช้งานอยู่ที่ไม่เกิน 2 ปีของแต่ละค่ายที่ผลิตออกมานะครับ แต่ใน ณ. ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและที่สำคัญเงินที่อยู่ในกระเป๋าด้วยครับ
การตรวจสอบสภาพการทำงานของระบบเบรก ว่าอยู่ในสภาพที่เหมาะสมไหม ผ้าเบรกยังหนาอยู่ไหมดูด้วยตาได้ง่ายๆครับที่ล้อหน้า ว่าผ้าเบรกใกล้หมดหรือยังให้ดูความหนาของผ้าเบรกสังเกตุว่าโดยวิธีการกะประมาณเอานะครับ ความหนาของผ้าเบรกไม่ควรต่ำกว่า 5 มิลลิเมตร ถ้าเห็นแล้วคิดว่าไม่ถึง ตามที่บอก ให้เข้าร้านหรือศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อนั้น ๆ เพื่อเปลี่ยนผ้าเบรกและเช็คทั้งระบบเบรกไปในตัวครับ
การตรวจสอบสภาพการทำงานของระบบไฟฟ้ารถยนต์และระบบแสงสว่างของรถครับ
ระบบไฟฟ้านั้นถือว่าเป็นหัวใจหลักเลยครับที่ทำให้รถวิ่งได้แต่ก็ต้องรวมอีกหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกันนะครับ ให้ดูว่าจุดต่อของปลั๊กแต่ละอันนั้นแน่นไหม ไม่หลวมหลุดง่าย ซิลกันความชื้นของปลั๊กยังดีอยู่ ระบไฟแสงสว่าง อาทิ ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟสปอร์ไลท์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ควรตรวจสอบสภาพที่ยางใบปัดน้ำฝน ว่ายังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานไหม ลองเปิดให้ทำงานดูครับว่าเวลาใบปัดน้ำฝนทำงานรีดน้ำที่เกาะกระจกเกลี้ยงไหมถ้าเริ่มเป็นเส้นแนะนำให้เปลี่ยนครับ เดียวนี้ถูกมากและไม่ต้องไปเสียดายเงินเพียงแค่ 200 บาท ไม่เกินครับเปลี่ยนเฉพาะยางน่ะครับ ปีนึ่งเปลี่ยนครั้งเอาใช้เฉพาะหน้าฝนครับคุ้มโคตร ๆ แถมเป็นยางยูรีเทรนอีกต่างหากครับ 555555 เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้หน้าฝนนี้ครับ
ระบบไฟฟ้านั้นถือว่าเป็นหัวใจหลักเลยครับที่ทำให้รถวิ่งได้แต่ก็ต้องรวมอีกหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกันนะครับ ให้ดูว่าจุดต่อของปลั๊กแต่ละอันนั้นแน่นไหม ไม่หลวมหลุดง่าย ซิลกันความชื้นของปลั๊กยังดีอยู่ ระบไฟแสงสว่าง อาทิ ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟสปอร์ไลท์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ควรตรวจสอบสภาพที่ยางใบปัดน้ำฝน ว่ายังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานไหม ลองเปิดให้ทำงานดูครับว่าเวลาใบปัดน้ำฝนทำงานรีดน้ำที่เกาะกระจกเกลี้ยงไหมถ้าเริ่มเป็นเส้นแนะนำให้เปลี่ยนครับ เดียวนี้ถูกมากและไม่ต้องไปเสียดายเงินเพียงแค่ 200 บาท ไม่เกินครับเปลี่ยนเฉพาะยางน่ะครับ ปีนึ่งเปลี่ยนครั้งเอาใช้เฉพาะหน้าฝนครับคุ้มโคตร ๆ แถมเป็นยางยูรีเทรนอีกต่างหากครับ 555555 เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้หน้าฝนนี้ครับ
ข้อควรระวังในการขับรถหน้าฝนและลุยน้ำท่วมนะครับ
- รถที่กำลังลุยน้ำนั้นผ่านพื้นที่ ที่มีน้ำท่วมขัง หรือลุยน้ำท่วมมา เมื่อขับถึงทางแห้งควร "เลียเบรก" หรือย้ำเบรกติดๆ กันสัก 2 - 3 ครั้ง เพื่อเป็นการไล่น้ำที่อยู่ระหว่างผ้าเบรกกับจานเบรกให้ออกไปให้หมดและไล่ความชื้นไปในตัวด้วยครับ เพราะถ้าไม่ไล่ความชื้นออกไปนั้นเวลาที่เหยียบเบรกอาจจะมีอาการลื่นของผ้าเบรกได้และสามารถทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ครับ สำหรับรถที่ลุยน้ำมา ไม่ควรดึงเบรกมือขึ้นในทันที่ทีจอดรถครับ เพราะความชื้นที่ยังเหลืออยู่ที่ตัวเบรกจะทำให้เบรกติด และมีผลทำให้รถไม่สามารถเคลื่อนตัวได้ หรือดึงเบรกมือลงลำบาก และสิ่งที่สำคัญอาจจะมีเสียงรบกวนเล็กน้อยครับในเวลาช่วงที่ออกตัวรถในช่วงแรก ๆ เพราะสนิมที่เกิดขึ้นในช่วงข้ามคืนหรือช่วงระยะเวลาอันสั้น โดยในระหว่างขับขี่อาจมีเสียงดังรบกวนที่จานเบรก อาการดังกล่าวถือเป็นอาการปกติ จะหายไป เมื่อถูกใช้งานไปสักระยะ
- โดยปกติห้องโดยสารจะมีรูและช่องต่างๆ ตามตัวรถ โดยบางจุดจะมียางมาครอบปิดไว้ หากยางเริ่มเสื่อมสภาพน้ำก็จะซึมเข้าไปในตัวรถ ยิ่งถ้ามีปูพรมด้วยยิ่งทำให้เกิดกลิ่นอับชื้น ซึ่งถ้าหากกลิ่นดังกล่าวถูกดูดซึมเข้าไปในระบบแอร์ จะเป็นการยากที่จะทำให้กลิ่นอับชื้นหายไป ดังนั้น ควรรื้อพรมเพื่อจะตรวจรอยรั่วหรือรอยซึมภายในรถ โดยเฉพาะพื้นรถ ทั้งนี้ ควรนำรถออกไปตากแดด เพราะเป็นวิธีธรรมชาติที่ช่วยขับไล่ความชื้นและเหม็นอับได้ดีวิธีหนึ่ง
- ในกรณีขับรถผ่านน้ำลึก ที่มีทางเป็นไปได้ว่าน้ำอาจจะซึมผ่านอุปกรณ์ตามท่อหรือรูต่างๆ บริเวณใต้ท้องรถ ดังนั้น ควรตรวจสอบหรือเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นต่าง ๆ เช่นน้ำมันเบรก น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ รวมถึงน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ นอกจากนี้ ควรตรวจสภาพแล๊คพวงมาลัย ลูกหมากต่างๆที่เป็นระบบช่วงล่างทั้งหมด ถ้าพบว่าผิดปกติควรที่จะเปลี่ยนโดยปรึกษาช่างผู้ชำนาญงานนะครับ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการรถยนต์ของแต่ละยี่ห้อนะครับ
- สำหรับห้องโดยสาร โดยปกติห้องโดยสารจะมีรูและช่องต่างๆ เพราะรถสมัยมีรูเยอะมากครับ ตามตัวรถ โดยบางจุดจะมียางมาครอบปิดไว้ หากยางเริ่มเสื่อมสภาพน้ำก็จะซึมเข้าไปในตัวรถ ก็จะเข้าไปถึงพรมพื้นรถ ด้วยยิ่งทำให้เกิดกลิ่นอับชื้น เพราะด้วยความสกปรกของน้ำที่เข้ามาในตัวรถ ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นอับดังกล่าวถูกดูดซึมเข้าไปในระบบแอร์ ก็จะเป็นการที่จะทำให้เกิดการสิ้นเปลี้ยงในการต้องถอดตู้แอร์ออกมาล้างเพื่อให้กลิ่นอับชื้นหายไป ดังนั้นควรรื้อพรมเพื่อจะตรวจรอยรั่วหรือรอยซึมภายในรถ โดยเฉพาะพื้นรถ ทั้งนี้ ควรนำรถออกไปตากแดด เพราะเป็นวิธีธรรมชาติ
นี่เป็นวิธีการดูแลรักษารถสุดรักของเราหลังหน้าฝนหรือลุยน้ำลึกมาเป็นเวลานาน เพื่อให้รถอยู่กับเราเป็นเวลานานๆนะครับ